ทั้งนี้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค โดยกองคุ้มครองผู้บริโภคด้านธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง ถือเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบตามพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. และพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ.๒๕๖๐ (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม) ซึ่งปัจจุบันเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคถือเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายมีอำนาจในการยึด อายัดสินค้าเพื่อตรวจสอบรวมทั้งมีอำนาจในการเชิญผู้ประกอบธุรกิจมาให้ถ้อยคำเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง พร้อมบันทึกปากคำผู้ประกอบธุรกิจและบุคคลที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานดังกล่าว มีลักษณะเหมือนการสืบสวนและสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคไม่มีสถาบันการฝึกอบรมบุคลากรให้มีความชำนาญด้านการสืบสวนและสอบสวน จึงทำให้เจ้าหน้าที่ขาดทักษะความชำนาญในด้านดังกล่าวนี้
อีกทั้งปัจจุบันการพัฒนาของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ทำให้รูปแบบการหลอกลวงผู้บริโภคพัฒนาไปโดยนำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาใช้ในการหลอกลวงหรือหลีกเลี่ยงการถูกตรวจสอบดำเนินคดีในรูปแบบกลไกลที่มีความซับซ้อนมาก ยากต่อการรวบรวมพยานหลักฐานมาดำเนินคดีทำให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง ปัญหาดังกล่าวจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการเรียนรู้ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวนเพื่อนำมาพัฒนาศักยภาพในการสืบสวนสอบสวน
และในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบพระราชบัญญัติดังกล่าว สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค จึงได้จัดโครงการสืบสวนสอบสวนการคุ้มครองผู้บริโภคและการประกอบธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรงขึ้น เพื่อให้บุคลากรของสำนักงานฯได้ทราบถึงสภาพปัญหาและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนสอบสวน รวมถึงได้รับความรู้เกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวน พร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ในการปฏิบัติงานร่วมกันและสามารถแก้ไขปัญหาที่ต้องเผชิญได้