สืบเนื่องจาก นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ได้ให้สัมภาษณ์กรณีที่รัฐจะเก็บภาษีน้ำตาลตั้งแต่เดือนกันยายน 2560 ที่ผ่านมา เพื่อควบคุมปริมาณน้ำตาลในผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆ โดยเฉพาะเครื่องดื่ม แต่จะมีการผ่อนปรนให้เวลาดำเนินการปรับสูตรเป็นเวลา 2 ปี ส่งผลให้ผู้ประกอบการหันมาทำเครื่องดื่มสูตรหวานน้อยกันมากขึ้นเพื่อไม่ต้องจ่ายภาษีมากขึ้น แต่พบปัญหาว่าในขณะนี้เครื่องดื่มเช่นน้ำอัดลมหรือชาเขียวที่เดิมมีน้ำตาลสูงอยู่แล้ว แม้จะมีการทำสูตรน้ำตาลน้อยลง แต่กลับมีการทำการตลาด โดยเฉพาะการชิงโชคเพื่อให้คนหันมาบริโภคมากขึ้น
พร้อมกันนี้ยังได้ระบุว่า กรมอนามัยในฐานะกรมวิชาการอาจนำเสนอเป็นข้อมูลไปยังสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หรือสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เพื่อพิจารณาออกประกาศห้ามการชิงโชคในเครื่องดื่มเหล่านี้ เหมือนเช่นกับที่เคยเสนอกรมสรรพสามิตในการคุมภาษีน้ำตาลที่สำเร็จมาแล้ว
ล่าสุดน.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (มพบ.) ได้ให้สัมภาษณ์ว่านอกจากการตลาดชิงโชคในเครื่องดื่มชาเขียวและน้ำอัดลมที่น่าเป็นกังวลแล้ว ยังมีเรื่องของการไลฟ์สดขายสินค้าผ่านทางโซเชียลมีเดียด้วย เช่น เฟซบุ๊ก ยูทูป ซึ่งทุกวันนี้มีพบเห็นได้มากขึ้น และมีประเด็นที่น่าจับตาคือเรื่องของการโฆษณาขณะการไลฟ์สดขายสินค้า ซึ่งพบว่ากว่าร้อยละ 35-36 สินค้าเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร ซึ่งตามหลักแล้วต้องมีการขออนุญาตโฆษณาอาหารจากทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก่อน ซึ่งควรมีการตรวจสอบว่าการไลฟ์สดและขายของเหล่านี้ที่มีการโฆษณาได้มีการขออนุญาตอย.แล้วหรือไม่ และโฆษณาเกินจริงหรือไม่
พร้อมกันนี้ยังได้ระบุต่อถึงเรื่องของการโฆษณาว่า การจะมีการชิงโชคแจกของรางวัลด้วยวิธีต่าง ๆ ตรงนี้ก็ต้องมีการขออนุญาตการชิงโชคจากทางกระทรวงมหาดไทย ตามพ.ร.บ.การพนัน พ.ศ. 2478 ด้วย มิเช่นนั้นถือว่าผิดกฎหมาย ซึ่ง มาตรา12 กำหนดว่า ผู้ใดจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่น ซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานหรือรับอนุญาตแล้วแต่เล่นพลิกแพลง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไปจนถึง 3 ปี และปรับตั้งแต่ 500 บาท ขึ้นไปจนถึง 5,000 บาท
“การชิงโชคแจกของผ่านทางไลฟ์สดต่าง ๆ ของคนขายของออนไลน์ทุกวันนี้ยังมีช่องว่างอยู่ เพราะไม่สามารถตรวจสอบได้ว่ามีการขออนุญาตการชิงโชคจากทางมหาดไทยจริงหรือไม่ และที่น่ากังวลคือการโฆษณาว่าจะแจกของหรือชิงโชคต่าง ๆ นั้น มีการให้ของรางวัลแก่ผู้บริโภคจริงหรือไม่ ซึ่งการโฆษณาจะยึดหลักว่าจะต้องไม่เกินจริง ไม่เป็นเท็จ หรือทำให้เข้าใจผิดในสาระสำคัญ ดังนั้นเมื่อมีการโฆษณาว่าจะแจกของก็ต้องมีการแจกจริงมิเช่นนั้นก็ถือว่าเข้าข่ายโฆษณาหลอกลวง ซึ่งจะมีเรื่องของกฎกระทรวงฉบับที่ 5 ของ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย”
น.ส.สารี กล่าวและว่าการตรวจสอบว่า การไลฟ์สดขายสินค้านั้นได้รับขออนุญาตการโฆษณาอาหารและการชิงโชคแล้วหรือไม่นั้นเป็นเรื่องยาก ดังนั้นผู้บริโภคต้องพิจารณาให้ดีว่าจะได้ตามนั้นจริงหรือไม่ หรือหากมีการโฆษณาแบบโอเวอร์ก็ต้องระมัดระวัง
อย่างไรก็ตามเมื่อสอบถามว่ามีผู้ร้องเรียนเข้ามามากหรือไม่จากกรณีเป็นผู้โชคดีได้ของรางวัลแล้วไม่ได้รับรางวัลตามที่โฆษณา น.ส.สารี กล่าวว่า มีผู้ร้องเรียนเข้ามาเช่นกัน แต่ต้องไปรวบรวมข้อมูลก่อนว่ามีมากน้อยแค่ไหนอย่างไร ซึ่งจริง ๆ แล้วประเด็นเหล่านี้มองว่าทางสคบ.ต้องออกมาตรวจสอบและจับตาเฝ้าระวังด้วย
อนึ่ง กฎกระทรวงฉบับที่ 5 (2534) ที่ออกตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 เกี่ยวกับเรื่องการเสี่ยงโชค กำหนดให้ข้อความโฆษณาสินค้าหรือบริการที่ระบุหรือประกาศว่าผู้ประกอบธุรกิจจัดให้มีการแถมพกหรือรางวัลด้วยการเสี่ยงโชคต้องระบุรายละเอียด ได้แก่
1.หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข หรือข้อกำหนดในการเสี่ยงโชคหรือชิงรางวัล
2.วัน เดือน ปีที่เริ่มต้นและสิ้นสุดของการจัดให้มีการเสี่ยงโชค
3.ประเภทและลักษณะของแถมพกหรือรางวัล จำนวนและมูลค่าของแถมพก หรือรางวัลแต่ละสิ่งหรือมูลค่ารวมในแต่ละประเภท
4.เขตหรือถิ่นที่มีการจัดให้มีการเสี่ยงชิงโชคหรือการประกวดชิงรางวัล เว้นกรณีที่เป็นการจัดให้มีขึ้นทั่วราชอาณาจักร
และ5.สื่อโฆษณาที่จะใช้ในการประกาศรายชื่อผู้ได้รับของแถมพกหรือรางวัลจากการเสี่ยงโชคหรือการประกวดชิงรางวัล
ส่วนเรื่องการขายของปลอมผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ ทางกรมทรัพย์สินทางปัญญาพยายามเร่งจับกุมเพื่อไม่ให้กระทบผู้เป็นเจ้าของสินค้าจริงหรือเจ้าของลิขสิทธิ์