ไหน ๆก็นำเสนอเรื่องของรถหายในห้างกันไปแล้ว ขอถือโอกาสนี้ไปต่อกันอีกสักเรื่องเลยดีกว่าเพราะเชื่อว่าหลายคนคงอยากที่จะร่วมแชร์ประสบการณ์ให้รู้กัน นั่นคือเรื่องการนำรถยนต์คันโปรดของคุณเข้าอู่เพื่อซ่อม
เพราะไม่ว่าจะเป็นรถใหม่หรือเก่าน่าล้วนเคยเข้าซ่อมบำรุงรักษากันมาบ้างไม่มากก็น้อย เพื่อให้ช่างผู้เชี่ยวชาญช่วยดูแลรถ ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ แต่ทว่าการนำรถเข้าอู่นั้นไม่ใช่สักแต่จะเอาเข้าโดยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุจากอาการที่เป็น
Bee Voice มีเกร็ดความรู้มาฝากกันอีกแล้วถึงข้อควรปฏิบัติก่อนที่จะนำรถยนต์เข้าอู่และการเตรียมตัว ส่วนจะมีรายละเอียดอะไรกันบ้างไปดูกันเลย
ประการแรก ต้องรู้จักอาการเสียของรถ ขั้นแรกก่อนที่จะนำรถไปซ่อมคุณควรรู้ก่อนในเบื้องต้นว่า รถยนต์ของคุณเสียด้วยอาการอะไร ????
โดยมากอาการรถยนต์เสียสามารถทราบได้เพียงแค่คุณค้นคว้าจากอินเตอร์เน็ตเท่านั้น โดยคุณอาจจะลองสอบถามไปตามเว็บบอร์ดต่าง ๆ หรือกลุ่มคนใช้รถรุ่นดังกล่าวเกี่ยวกับอาการที่คุณพบเจอในรถยนต์ของคุณ ว่ามันน่าจะเสียอะไรตรงไหนบ้าง
ประการต่อมาแนะนำว่าคุณต้องรู้จักอู่ เมื่อรู้ว่ารถยนต์ของเรามีอาการเสียอะไรตรงไหนก็ควรรู้จักอู่ที่มีความชำนาญการ ซึ่งโดยมากในบรรดากลุ่มคนใช้รถยนต์รุ่นดังกล่าวจะรู้จักกันดีและแนะนำบอกต่อกันอยู่แล้ว
ซึ่งคุณสามารถจะขอเบอร์ติดต่อสอบถามไปยังอู่ดังกล่าวในเบื้องต้นได้ รวมถึงยังสามารถไตร่ตรองถึงราคาค่าใช้จ่ายในเบื้องต้นของการซ่อม ตลอดจนสอบถามถึงความพึงพอใจของคนที่เคยไปซ่อมกับอู่ดังกล่าวว่าสามารถซ่อมงานได้จบหรือไม่อย่างไร
ประการที่สามต้องรู้จักบันทึกอาการเสียของรถ ซึ่งคุณสมควรที่จะบันทึกอาการเสียของรถตลอดจนอาการผิดปกติต่าง ๆที่พบและคาดว่าจะมีความเกี่ยวข้องเช่นเสียง อาการสั่น หรืออาการอื่นใดอันแสดงถึงความผิดปกติในการขับขี่รถยนต์ของคุณเพื่อที่จะสามารถเล่าให้ช่างฟังได้ และทำให้ช่างสามารถประเมินอาการเสียได้เร็วขึ้น แม้ว่ารถของคุณอาจจะไม่แสดงอาการที่หน้างาน
ประการที่สี่ต้องเตรียมรถให้พร้อมสำหรับการเข้าอู่ เช่นเก็บข้าวของที่มีค่าต่าง ๆออกจากรถ ตลอดจนสมควรอย่างยิ่งที่จะเติมน้ำมันไว้ประมาณหนึ่งเพื่อให้ช่างสามารถใช้ทดสอบรถได้ ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะปล่อยให้น้ำมันแห้งเหือดจนติดขีดแดงไปอู่ เพราะบางอาการเสียจะต้องมีการขับทดสอบเพื่อตรวจสอบว่าการซ่อมได้บรรลุผลหรือไม่
ประการที่ห้าขอเอกสารเกี่ยวกับอู่เสมอ ต้องจำไว้เลยว่าเมื่อคุณนำรถเข้าซ่อมที่อู่ควรมีเอกสารเกี่ยวกับอู่เสมอเพื่อเป็นการยืนยันว่าคุณได้นำรถมาซ่อมจริง ๆ ซึ่งอู่ที่ได้มาตรฐานการทำงานโดยมากจะออกใบรับรถเพื่อแสดงว่าคุณได้นำรถยนต์มาเข้าซ่อมจริง
และอาจจะมีการประเมินราคาค่าใช้จ่ายเบื้องต้นไว้ให้ด้วย แต่โดยมากในอู่ธรรมดาทั่วไปลูกค้าจะไม่ได้รับเอกสารใด ๆจากอู่ ในกรณีดังกล่าวให้คุณขอนามบัตรอู่เอาไว้แทนเพื่อที่คุณจะได้โทรมาสอบถามความคืบหน้าในการซ่อม
ประการที่หกต้องขอบิลค่าใช้จ่ายและอะไหล่เก่าเสมอ เมื่อถึงวันรับรถจำไว้ว่าสมควรอย่างยิ่งที่คุณจะต้องขอบิลค่าใช้จ่ายในการซ่อมรถเพื่อตรวจสอบรายการซ่อมและอะไหล่ที่มีการเปลี่ยนหรือดำเนินการในระหว่างการซ่อม
ตลอดจนอะไหล่เก่าของคุณในกรณีที่มีการเปลี่ยนชิ้นส่วนอะไหล่ เพื่อเป็นหลักฐานว่ามีการซ่อมแซมรถเกิดขึ้นจริง และใช้อ้างอิงได้หากพบปัญหาจากการซ่อม
ประการสุดท้ายต้องตรวจสอบอาการเสียทันทีที่นำรถออกจากอู่ ควรตรวจสอบว่าอาการเสียได้รับการแก้ไขจากช่างแล้วหรือไม่
หากพบว่ารถยังคงมีอาการอยู่ควรจะนำรถกลับไปอู่ทันทีเพื่อตรวจสอบอาการดังกล่าว ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะปล่อยให้ค้างคาไว้เป็นเวลานานๆ
นอกจากนี้การนำรถเข้าอู่ซ่อมสมควรอย่างยิ่งที่จะต้องมีการเก็บหลักฐานและตรวจสอบงานซ่อม ซึ่งตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา ธุรกิจการให้บริการซ่อมรถยนต์ต้องออกหลักฐานการรับเงินให้แก่ผู้บริโภค ต้องไม่มีข้อความที่มีลักษณะหรือความหมายเป็นการยกเว้นจำกัดความรับผิดชอบของผู้ประกอบธุรกิจที่เกิดจากความจงใจหรือประมาทเลินเล่อในการให้บริการซ่อมรถยนต์ของผู้ประกอบธุรกิจหรือบุคคลอื่นซึ่งผู้ประกอบธุรกิจต้องรับผิดชอบด้วย ตลอดจนอาการเสียของรถยนต์ของคุณ
ที่สำคัญยังทำให้คุณเรียนรู้ว่าอู่ดังกล่าวมีความเชี่ยวชาญจริงหรือไม่ เพราะโดยมากอาการที่ซ่อมไปแล้วมักจะไม่กลับมาย้อนรอบอีกครั้ง