เป็นข่าวคราวที่เกิดขึ้นจนอดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะไม่แน่หยึ่งในนั้นอาจเป็นเพื่อนพ้องหรือลูกหลานของคุณ หรือคนที่รู้จักก็เป็นได้ จึงนำเสนอเรื่องราวกรณีการทำรีเทนเนอร์ จัดฟันเถื่อนมากฝากกัน แต่ก่อนจะไปดูรายละเอียดมีข้อมูลที่น่าทึ่งจาก The Dental Magazine ที่ระบุไว้น่าสนใจทีเดียว
บอกว่า “ไม่รู้เป็นเรื่องที่น่ายินดีหรือไม่ที่สื่อต่างชาติพูดถึงประเทศไทยว่าเป็นประเทศแรกและประเทศเดียวที่เยาวชนนิยมจัดฟันกันเป็นแฟชั่น” ไทยเรามาครองตำแหน่งนี้ได้ยังไง ??? และจะทำยังไงให้เข้าใจกันเสียทีว่าการจัดฟันแฟชั่นที่แท้คือ “จัดฟันไม่ใช่เป็นแฟชั่น” พร้อมกันนี้ยังระบุว่าเยาวชนไทย “อินเทรนด์”เรื่องการจัดฟันแฟชั่นมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2547
ชัดเจนเลยมั้ยว่าทำไมคลีนิคเถื่อนถึงได้ระบาดกันเพียบ ก็เพราะอยากเท่ห์ดูมีเสน่ห์ พอเกิดเรื่องขึ้นกวาดล้างหนัก ๆเรื่องก็ทำท่าจะเงียบ แต่สุดท้ายก็กลับมาใหม่ยิ่งในปัจจุบันมีเรื่องของสื่อโซเชียลเข้ามาช่วยในการทำธุรกิจคราวนี้ยิ่งสบายใจเฉิบ !!!!!
ดังเช่นที่เกิดขึ้นจังหวัดราชบุรีเมื่อเร็ว ๆนี้ กรณีที่นายเลิศศักดิ์ รักธรรม รองหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการฯ พร้อมกับเจ้าหน้าที่สคบ.ร่วมกับคณะเจ้าหน้าที่จากทันตแพทยสภา คณะทันตกรรม มหาวิทยาลัยมหิดล และสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดราชบุรี พร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจากบก.ปคบ. สภ.ราชบุรีลงพื้นที่ภายในอำเภอเมือง จ.ราชบุรี
หลังได้รับหนังสือจากสำนักงานเลขาธิการทันตแพทยสภาว่า ได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชนกรณี ร้านจัดฟัน cheerfully มีการจำหน่ายสินค้าลวดจัดฟันแฟชั่น และมีผู้บริโภคจำนวนมากที่ได้สั่งซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์ของทางร้านทันตแพทยสภาจึงประสานให้สคบ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบการจำหน่ายสินค้าดังกล่าว
จากการเข้าตรวจค้นภายในห้องเช่าแห่งหนึ่งบริเวณอำเภอเมืองราชบุรีพบว่า มีสินค้าลวดดัดฟันแฟชั่น ยางโอริง อุปกรณ์สำหรับใช้พิมพ์ฟัน และเอกสารที่เกี่ยวข้อง เป็นจำนวนมากกว่า 1,000 รายการ รวมประมาณกว่า 2 แสนบาท และยังตรวจสอบพบอุปกรณ์เกี่ยวกับการทำฟันปลอมรวมถึงการโฆษณาขายสินค้าผ่านทางเฟสบุ๊คโดยใช้ชื่อว่า Cheerfully Retainer
ขณะที่เพจ “มือปราบหมอฟันเถื่อน”ได้โพสต์ถึงการเข้าจับกุมร้านดังกล่าวว่าจากการรวบรวมข้อมูลจาก facebook ของร้านดังกล่าวที่โพสต์ข้อความและรายชื่อลูกค้าที่สั่งซื้อรีเทนเนอร์จัดฟันแฟชั่น ระบุถึงข้อมูลการขายสินค้า 56 วัน (ในช่วงเดือนส.ค. – ก.ย. 60) มีลูกค้าวัยรุ่นที่หลงเชื่อและตกเป็นเหยื่อรวม 1,548 ราย หรือเฉลี่ยวันละ 28 ราย
หากคิดรายได้ค่ารีเทนเนอร์คู่ละ 1,800 บาท คาดว่าร้านดังกล่าวจะมีรายได้เฉลี่ยไม่ต่ำกว่าเดือนละ 1 ล้านบาท หรือปีละ 12 ล้านบาทเลยทีเดียว ทางทันตแพทยสภาเชื่อว่าร้านดังกล่าวน่าจะเป็นร้านจัดฟันแฟชั่นที่ผิดกฎหมายรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย มีลูกค้าที่เป็น Net idol มาช่วย post ขายของซึ่งทำให้เด็กวัยรุ่นหลงเชื่อเป็นจำนวนมาก
ฟังแล้วชวนให้น่าตกใจสำหรับเด็กและเยาวชนของชาติ ที่อยากดูสวยมีเสน่ห์แต่จะคิดกันบ้างหรือไม่ว่าสิ่งที่กำลังทำรู้หรือว่ามันเสี่ยงต่อชีวิตคุณสักแค่ไหน ยิ่งเมื่อไปดูจากข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ที่ระบุไว้ว่า
ไม่ว่าจะเป็นการจัดฟันแฟชั่นในรูปแบบใดก็ตามล้วนมีอันตรายต่อร่างกายทั้งสิ้น เพราะปกติผู้จัดฟันก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเหงือกอักเสบและฟันผุได้สูงกว่ำคนทั่วไปอยู่แล้วเนื่องจากทำความสะอาดฟันได้ยากกว่า ผู้จัดฟันจึงต้องดูแลสุขภาพช่องปากเป็นพิเศษ
แต่หากการจัดฟันแฟชั่นนั้นใช้อุปกรณ์และเครื่องมือที่ไม่ได้มาตรฐาน และกระทำโดยบุคคลที่ไม่มีความรู้ด้านทันตกรรมจึงถือว่าอันตรายมากขึ้นไปอีก กล่าวคือ
1.อันตรายจากขั้นตอนการทำเนื่องจากวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ไม่สะอาด เช่น ผู้ทำไม่ได้ใส่ถุงมือ ไม่มีการล้างมือด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อก่อนทำงาน ถาดพิมพ์ฟันใช้แล้วไม่ได้ล้าง ไม่มีการฆ่าเชื้อใดๆ ฯลฯ
อาจทำให้เกิดการแพร่กระจายของโรคติดต่อ หรือก่อให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อในช่องปากได้ อีกทั้งการใช้หัวกรอฟันที่เป็นหินกรอเอาเคลือบฟันออก รวมทั้งการใช้กรดฟอสฟอริกกัดฟันเพื่อให้เครื่องมือยึดเกาะกับฟันจะทำให้เคลือบฟันบางลง ทำให้เสียวฟันได้ง่าย และมีโอกาสที่จะเกิดฟันผุได้ง่ายขึ้น
-
อันตรายจากวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ไม่มีมาตรฐาน และไม่ได้มีไว้ใช้ในช่องปาก เช่นลวดจัดฟันที่อาจมีสารปนเปื้อนโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว โครเมียม และสารหนู ซึ่งสารพิษเหล่านี้หากสะสมในร่างกายมากๆ จะส่งผลเสียต่อไตและอาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้ ลวดและยางเมื่อใส่ไว้ในปากระยะหนึ่งสีของลวดและยางจะหลุดเข้าสู่ร่างกาย เกิดการดูดซึมสารพิษสะสม ลวดบาดกระพุ้งแก้มเป็นแผล หากเรื้อรังก็เป็นมะเร็งช่องปากได้
อุปกรณ์จัดฟันที่มีรูปร่างแปลกไปจากเครื่องมือจัดฟันตามปกติ เช่น รูปดอกไม้หรือสัตว์ต่าง ๆ ซึ่งทำความสะอาดยาก เก็บเชื้อโรคและเศษอาหารมากขึ้น ทำให้ฟันผุเหงือกอักเสบ มีกลิ่นปาก อีกทั้งเครื่องมือที่ไม่มีมาตรฐานหากหลุดลงคอไปอุดตันที่หลอดลมก็เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต
-
อันตรายเพราะผู้ทำขาดความรู้ทางทันตกรรม การปรับแต่งลวดโดยผู้ที่ไม่มีความรู้ทางทันตกรรมจะทำให้ฟันเคลื่อนเกิดอาการปวดฟันและอาจลุกลามจนกลายเป็นฟันตาย รากฟันละลายจนต้องถอนฟันซี่นั้นทิ้งในที่สุด