การแพร่ระบาดของ Corona Virus หรือ Covid-19 ส่งผลให้เกิดความตื่นตระหนกไปทั่ว สินค้าประเภทที่ช่วยป้องกันโรคได้อย่างหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมาก จนอาจมีคนฉวยโอกาสด้วยการลงขายสินค้าประเภทนี้บนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ เนื่องจากสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้แม้ไม่ต้องออกจากบ้านไปไหน เพื่อป้องกันการตั้งราคาขายเกินจริง (โก่งราคาสินค้า) ตลอดจนการให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง เช่น หน้ากากนี้ใส่แล้วป้องกันโควิด-19 ได้ 100% เป็นต้น ทางเฟซบุ๊กจึงออกมาเริ่มแบนการลงโฆษณาหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือ
Rob Leathern หัวหน้าฝ่ายการจัดการผลิตภัณฑ์ของเฟซบุ๊กได้ประกาศผ่านทวิตเตอร์ว่า
“ตอนนี้เราได้แบนโฆษณาและการลงขายสินค้าประเภทหน้ากากอนามันสำหรับการแพทย์แล้ว และกำลังติดตามเกี่ยวกับ Covid-19 อย่างใกล้ชิด และจะอัปเดตนโยบายของเราหากพบเจอผู้ที่พยายามฉวยโอกาสจากสถานการณ์ฉุกเฉินในครั้งนี้”
ทั้งนี้การแบนหน้ากากอนามัยของเฟซบุ๊กจะมีขึ้นเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น หลังจากเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมได้เริ่มออกมาปรับใช้นโยบายแบนสินค้าดังกล่าว (เนื่องจากเป็นบริษัทภายใต้เจ้าของเดียวกัน) ทาง Google ก็ได้เริ่มหันมาดำเนินการตามรอยของเฟซบุ๊กด้วยการหันมาแบนการลงโฆษณาขายหน้ากากอนามัยด้วยเช่นกัน
และในอีกประมาณ 2 สัปดาห์ต่อมา Rob Leathern ยังได้ทวิตเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแบนเจลล้างมืออีกด้วยว่า
“นอกเหนือจากหน้ากากอนามัย ขณะนี้เรายังแบนเจลล้างมือ แผ่นเช็ดทำความสะอาด และชุดตรวจสอบ Covid-19 ด้วยตนเอง ในส่วนของโฆษณาและการลงขายสินค้า นี่เป็นอีกก้าวหนึ่งที่จะช่วยป้องกันการขายสินค้าเกินราคาและพฤติกรรมเอารัดเอาเปรียบที่กำลังเกิดขึ้น โดยเราจะจัดการปรับระบบโฆษณาอัตโนมัติภายในสัปดาห์หน้า และหากพบเจอออแกนิคโพสต์ที่ฉกฉวยโอกาสเกี่ยวเนื่องกับผลิตภัณฑ์เหล่านี้ด้วยล่ะก็ เราก็ดำเนินการลบด้วยเช่นกัน”
ความต้องการที่สูงของผู้บริโภคอาจเป็นโอกาสทางทางธุรกิจก็จริง แต่ผู้ค้าขายก็ควรมีจรรยาบรรณและไม่เอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคในยามที่สินค้าขาดแคลน ทาง Facebook, Instagram และ Google ต่างเล็งเห็นในจุดนี้จนออกมาตรการมาเพื่อป้องกันการประกาศขายสินค้าอย่างไม่เป็นธรรม ที่อาจส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานแพลตฟอร์มอย่างรุนแรงในช่วงเวลาวิกฤตที่เกิดการระบาดของโรคติดต่ออย่างเช่นในปัจจุบัน