ธันวาคม 17, 2017 38 Views รู้ไว้ไม่เสียของ! ธุรกิจขายตรง VS. แชร์ลูกโซ่ต่างกันตรงไหน ???? by Admin ยังคงเกาะติดกับเรื่องของธุริจขายตรง พร้... Read More “เทศกาลแห่งความตาย” (ชมคลิป) ชวนรู้จัก คปภ. หน่วยงานรวมทุกเรื่องร้องเรียนด้านการทำประกัน ยังคงเกาะติดกับเรื่องของธุริจขายตรง พร้อม ๆกับคำถามที่ตามมาหลาย ๆเรื่อง โดยเฉพาะประเด็นการแบ่งแยกหรือข้อแตกต่างระหว่าง ธุรกิจขายตรง กับ ธุรกิจแอบแฝงแชร์ลูกโซ่ เขาวัดกันตรงไหน อย่างไร Bee Voice มีคำตอบมาฝากเพื่อน ๆให้คลายสงสัยกันซะที ความแตกต่างระหว่างธุรกิจขายตรงกับธุรกิจแอบแฝงแชร์ลูกโซ่นั้น จากข้อมูลโดยสมาคมพัฒนาการขายตรงไทย ระบุไว้ชัดเจนถึงหลักในการพิจารณา เพื่อแยกแยะ หากใครที่กำลังถลำตัวหรือคิดจะสมัครเป็นนักธุรกิจเครือข่ายขายตรง ลองพิจารณาหลักสำคัญดังต่อไปนี้ ประการแรก เรื่องการจดทะเบียนธุรกิจ สำหรับธุรกิจขายตรงจะจดทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และดำเนินธุรกิจตรงตามที่ได้ยื่นจดทะเบียนไว้ ขณะที่ธุรกิจแอบแฝงหรือแชร์ลูกโซ่จะไม่ได้จดทะเบียน หรือจดทะเบียนแล้ว แต่ดำเนินธุรกิจแตกต่างจากที่ได้จดทะเบียนไว้ ประการที่สอง เรื่องการรับสมัครสมาชิก ธุรกิจขายตรงจะไม่บังคับ/ ไม่มีเงื่อนไขให้สมาชิกต้องซื้อสินค้าเพื่อมีสิทธิในการเข้าร่วมธุรกิจ ขณะที่ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ มีการบังคับหรือมีเงื่อนไขให้สมาชิกต้องซื้อสินค้าเพื่อสิทธิในการเข้าร่วมธุรกิจ ประการที่สาม เรื่องการขายสินค้า ธุรกิจขายตรง : สมาชิกนำสินค้าไปเสนอขายต่อผู้บริโภคโดยตรง ณ ที่อยู่อาศัย หรือสถานที่ทำงานของผู้บริโภค หรือผู้อื่น ในขณะที่ธุรกิจแชร์ลูกโซ่นั้นสมาชิกไม่ต้องนำสินค้าไปเสนอขายต่อผู้บริโภค แต่มุ่งเน้นให้สมาชิกไปชักชวนบุคคลอื่นเข้ามาร่วมเครือข่าย ประการที่สี่ เรื่องการจ่ายผลตอบแทน สำหรับธุรกิจขายตรง นั้นผลตอบแทนที่เป็นรายได้หลักของสมาชิกจะขึ้นอยู่กับการขายสินค้าส่วนธุรกิจที่เป็นแชร์ลูกโซ่ รายได้จะมาจากการแนะนำที่คิดคำนวณจากจำนวนสมาชิกมาเข้าร่วมเครือข่ายมากขึ้น ประการที่ห้า เรื่องของสินค้า ธุรกิจขายตรง สินค้าจะมีคุณภาพสูง / ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะที่ในส่วนของธุรกิจแชร์ลูกโซ่ สินค้าจะราคาสูงแต่คุณภาพต่ำและไม่ได้มาตรฐาน แถมใช้วิธีโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณที่เกินจริง ประการที่หก เรื่องของสิทธิของสมาชิก / ผู้จำหน่ายอิสระ ในการคืนสินค้า สำหรับในประเด็นดังกล่าวนี้ กรณีธุรกิจขายตรงสมาชิกมีสิทธิคืนสินค้าตามเงื่อนไขของสัญญา และรอรับเงินคืนตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ในขณะที่ธุรกิจแชร์ลูกโซ่มักไม่รับคืนสินค้า เพราะระบบการจ่ายเงินเป็นการนำเงินจากผู้สมัครรายใหม่มาจ่ายให้รายเก่าต่อ ๆ กันไป (ระบบปิรามิด) ประการสุดท้าย คือเรื่องสิทธิของผู้บริโภค กรณีธุรกิจขายตรงนั้นผู้บริโภคมีสิทธิเลิกสัญญา โดยส่งหนังสือแสดงเจตนาภายใน 7 วันนับจากวันที่ได้รับสินค้า หรือบริการ ในขณะที่ธุรกิจแชร์ลูกโซ่นั้น การซื้อสินค้าของสมาชิกเป็นการซื้อภายใต้เงื่อนไขเพื่อหวังรับผลประโยชน์ตอบแทน จึงไม่เป็นผู้บริโภคตามกฏหมายขายตรง รู้กันอย่างนี้แล้ว ใครจะมาชักชวนให้ลงทุนทำอะไรก็ลองพินิจพิจารณากันให้ถ่องแท้ ตามหลักที่ได้นำมาฝากกัน จะได้ไม่ต้องตกหลุมพรางตกไปเป็นเหยื่อจากแก๊งค์ต้มตุ๋นหรือแชร์ลูกโซ่ได้ SHARE