ใกล้เทศกาลปีใหม่เข้ามาทุกทีแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าปีใหม่นั้นเป็นเทศกาลที่เราจะส่งความสุขทิ้งความโศกไว้เบื้องหลังกับปีเก่าและช่วงนี้สินค้าที่ขายดีมากๆ ก็คงหนีไม่พ้นกับ กระเช้าปีใหม่ ที่ใช้เป็นของขวัญส่งความสุขให้กับผู้ใหญ่ เพื่อนๆ เจ้านาย ลูกค้า หรือเพื่อนร่วมงาน ทำให้ร้านค้าต่างๆ นิยมนำสินค้าหลายอย่างมาจัดเป็นกระเช้าเพื่อวางจำหน่ายเป็นกระเช้าสำเร็จรูป
อย่างไรก็ตามหลายปีที่ผ่านมามักพบปัญหาอย่างหนึ่ง ก็คือกระเช้าปีใหม่ที่จัดไว้นั้นเป็นสินค้าไม่มีคุณภาพและหมดอายุสอดไส้ส่งผลให้ผู้บริโภคได้รับความเดือดร้อน
ปกติแล้วตามมาตรการของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หากจะจัดกระเช้าจำเป็นต้องมีฉลาดดังนี้
- มีฉลากชัดเจน
- มีแสดงฉลากภาชนะรวม
- มีฉลากแสดงวันหมดอายุหรือวันที่ควรบริโภคก่อน
โดยประกาศจากกระทรวงสาธารณสุข เรื่องการแสดงฉลากของอาหารจัดรวมในภาชนะ ซึ่งกำหนดว่า ในการที่จะขายสินค้าเป็นกระเช้าจะต้องมีฉลากรวม ระบุว่าในกระเช้ามีรายการสินค้าใดบ้าง โดยแสดงชื่อ ประเภท หรือชนิดของอาหารแต่ละรายการที่บรรจุ รวมทั้งแสดงวัน เดือน ปีที่หมดอายุ หรือควรบริโภคก่อนของอาหาร
หากผู้บริโภคพบว่าไม่เป็นไปตามที่ระบุอย่าอุดหนุนเป็นอันขาด
นอกจากนี้ ทาง กทม. ยังมีนโยบายออกมาควบคุมดูแลการจัดจำหน่ายเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคเพิ่มเติมอีกด้วย โดยได้ออกแนวทางเป็นหลักเกณฑ์การจัดจำหน่ายกระเช้าปีใหม่ 5 ประเภท ได้แก่
- กระเช้าของขวัญประเภทอาหารบรรจุภัณฑ์ สินค้าต้องมีวันหมดอายุหลังวันที่ 31 พฤษภาคม 2562 หากไม่พึงพอใจในคุณภาพสินค้าสามารถนำมาแลกเปลี่ยนหรือคืนได้ ภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2562
- กระเช้าของขวัญประเภทผักผลไม้สด ต้องตั้งวางกระเช้ารอจำหน่ายไม่เกิน 3 วัน
- กระเช้าสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่น ต้องแสดงป้ายข้อความว่า “ผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่น”
- กระเช้าสินค้าทางเลือกอื่นๆ กระเช้าทุกประเภทต้องแสดงวัน เดือน ปีที่หมดอายุ เป็นข้อความภาษาไทย เห็นได้ชัดเจน
- ห้ามวางจำหน่ายกระเช้าของขวัญที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รวมอยู่ด้วย มิฉะนั้นจะเข้าข่ายความผิดเกี่ยวกับการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในลักษณะที่เป็นการบังคับซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยทางตรงหรือทางอ้อม ตามมาตรา 30 (5) มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551
หากพบว่ามีการฝ่าฝืนตามที่ระบุด้านบนจะเข้าข่ายผิดตามพระราชบัญญัติอาหาร (พ.ร.บ.) พ.ศ. 2522 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท